ประวัติ โคดี้ กัคโป

ชื่อเต็ม : โคดี้ มาเธส กัคโป (Cody Mathes Gakpo)

เกิด : 7 พฤษภาคม 1999 (2542)

สถานที่เกิด : ไอนด์โฮเฟ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์

สัญชาติ : เนเธอร์แลนด์

ส่วนสูง : 193 เซนติเมตร

ตำแหน่ง : ปีก

สโมสรปัจจุบัน : ลิเวอร์พูล

ประวัติ โคดี้ กัคโป โคดี้ กัคโป มีคุณพ่อที่ชื่อว่า จอห์นนี่ เป็นชาวโตโกที่มีเชื้อสายกาน่า ส่วนคุณแม่เป็คนดัตช์ชื่อว่า แองค์ โดยเขามีพี่ชายกับน้องชายอย่างละ 1 คน โดยพี่น้องของเขาต่างก็ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเหมือนกัน และเป็นนักเตะอีกด้วย โดย ซิดนี่ย์ พี่ชายเล่นให้ทีม อาร์พีซี ไอนด์โฮเฟ่น ส่วน ดุ๊ค น้องชายอยู่กับอะคาเดมี่ของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น

กัคโป นั้นคลั่งไคล้ฟุตบอลอย่างมาก ตั้งแต่การลงเล่นในสนามไปจนถึงวิดีโอเกม โดยสมัยเด็กเขามักจะเป็นแรกๆ ที่ไปถึงสนาม พีเอสวี เสมอ และเขาก็ชื่นชอบ พีเอสวี มากๆ จนถึงขนาดที่ว่าของทุกอย่างของเขาจะมีชื่อของ พีเอสวี เขียนอยู่บนนั้น จึงไม่แปลกที่เขาจะมุ่งมั่นที่จะเข้าอะคาเดมี่ของ พีเอสวี ให้ได้

เส้นทางอาชีพลูกหนัง

กัคโป มีตัวช่วยพัฒนาให้เขาเป็นนักเตะชั้นยอดด้วยการที่ว่า จอห์นนี่ พ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อน เขาเคยเล่นให้ทีมใน โตโก รวมถึงเคยเล่นในทีมสำรองของ พีเอสวี อีกด้วย แต่ กัคโป ก็ไม่มีโอกาสได้ดูฝีเท้าของคุณพ่อด้วยตาตัวเอง เพราะเขาแขวนสตั๊ดไปก่อนที่ กัคโป จะเกิด ส่วน แองค์ เคยเป็นนักกีฬาเช่นกัน แต่เป็นกีฬา รักบี้

สำหรับเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของ กัคโป นั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เพราะเขาเล่นได้โดดเด่นตอนอยู่กับ อีวีวี ไอนด์โฮเฟ่น ทีมในย่านท้องถิ่น ก่อนจะผ่านการทดสอบฝีเท้าและได้เซ็นสัญญาในฐานะนักเตะเยาวชนของ พีเอสวี ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ

ตอนอยู่กับทีมเยาวชนของ พีเอสวี นั้น กัคโป เล่นได้โดดเด่นจนถึงขั้นเคยช่วยให้ทีมเยาวชนได้แชมป์เมื่อฤดูกาล 2007/08 ด้วย แต่เพราะความมุ่งมั่นมากเกินไปจนทำให้เกิดการฝืนขีดจำกัดของตัวเอง และส่งผลให้เขาเริ่มได้บาดเจ็บรุนแรงหลายครั้ง เช่น ต้องเข้าโรงพยาบาล 2 ครั้งจากปัญหาการเจ็บน่อง และข้อเท้าหักที่ทำให้ต้องพัก 3 เดือนเต็ม

แต่เขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่มีประสบการณ์สูงจนทำให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ หนึ่งในนั้นคือ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่รู้จัก กัคโป เป็นอย่างดี โดย ฟาน นิสเตลรอย ดูแล กัคโป เหมือนลูกศิษย์คนหนึ่ง รวมถึงช่วยสอนให้เขาจบสกอร์ได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้ศักยภาพของ กัคโป พัฒนาขึ้นตามไปด้วย

และแล้ว กัคโป ก็ได้รับสัญญานักเตะอาชีพจาก พีเอสวี ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ก่อนที่จะได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ด้วยการลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมที่ทีมชนะ เฟเยนูร์ด 3-1 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ในปีเดียวกัน

ซีซั่น 2018/19 กัคโป มีฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจนทำให้ มาร์ค ฟาน บอมเมล กุนซือ พีเอสวี ในเวลานั้นเลือกเขาติดทีมหลายครั้ง และในวันที่ 3 ธันวาคม 2018 เขาสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังขึ้นไปอีกด้วยการทำแฮตทริก ในเกม คอยเค่น คัมปิโอเอน ดิวิซี่ นัดที่เจอกับ โก อเฮด อีเกิ้ลส์ ส่วนลูกแรกของเขาในเกม เอเรดิวิซี่ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019 ที่เจอกับ ฟอร์ทูน่า ซิททราด

ในฤดูกาลต่อมา 2019-20 กัคโป ได้รับโอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่มากขึ้น และทำผลงานได้ดีมากขึ้นอีกด้วย โดยยิงไป 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ส่วนฤดูกาลต่อมา ยิงได้ 11 ลูก จากการลงสนาม 29 นัด รวมทุกรายการ

และในซีซั่น 2021/22 ถือเป็นฤดูกาลที่ กัคโป โชว์ฟอร์มได้อย่างดุดันโดยทำไป 21 ประตู จากการลงเล่น 47 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งเขาเองก็เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ทีมได้แชมป์ เคเอ็นวีบี คัพ ในฤดูกาลนั้นอีกด้วย

และฤดูกาลล่าสุด 2022/23 กัคโป ยังมีการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมโดยทำไปถึง 13 ประตูจากการลงเล่น 24 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งเหตุนี้ทำให้เขาตกเป็นข่าวกับหลายทีมดังในยุโรป ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะคว้าตัวเขาไปร่วมทัพด้วยค่าตัว 40-50 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นการขายนักเตะด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติของ พีเอสวี อีกด้วย

ล่าสุด กัคโป ย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงตลาดฤดูหนาวเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา และได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล นัดแรกในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดที่ทัพ “หงส์แดง” เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 2-2 และหลังจากนั้น กัคโป ก็ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยนัดที่เขาระเบิดฟอร์มได้อย่างดุเดือดคือนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้าน ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบขาดลอย 7-0 โดย กัคโป ทำไป 2 ประตูในแมตช์ดังกล่าวอีกด้วย

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์

สำหรับทีมชาติ กัคโป เลือกเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดยเขาเคยติดทีมชุดเยาวชนมาแล้วหลายรุ่น ไล่ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี, 19 ปี, 20 ปี และ 21 ปี ก่อนจะโดนเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในชุดสู้ศึก ยูโร 2020 และเขาได้ลงสนามกับทีมในนัดที่ 3 ของรายการนั้น

สำหรับประตูแรก กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เกิดขึ้นในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก นัดที่ เนเธอร์แลนด์ ชนะ มอนเตเนโกร 4-0 ซึ่งหลังจากนั้นเขายังพัฒนาฝีเท้าได้อีก จนสามารถติดทีมชาติชุดสู้ศึกรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งเขาทำประตูได้ทั้งหมด 3 ประตู